
นวัตกรรมความงามในการยกกระชับหน้า หรือมีส่วนในการช่วยกระชับสัดส่วนอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี และมีการพูดถึงอย่างมาก คือ RF ซึ่งถือว่ามีความปลอดภัยอย่างมาก มีผลข้างเคียงน้อย ประหยัดค่าใช้จ่าย และไม่ต้องผ่าตัด จึงเป็นวิธีหนึ่งในการยกกระชับและชะลอวัย
RF คืออะไร
RF ที่เรานำมาใช้ในการดูแลผิวหน้าให้กระชับ หรือผิวส่วนต่างๆ ของร่างกาย ให้ตึงกระชับ ไม่หย่อนคล้อยนั้น เป็นชื่อย่อของ Radio Frequency คือ เทคโนโลยีที่ได้รับการรับรองจากผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง และองค์กรอาหารและยาจากสหรัฐอเมริกา รวมถึงอีกหลายประเทศทั่วโลก เป็นการใช้วิธีปล่อยคลื่นไฟฟ้าอ่อนๆ ในรูปของคลื่นวิทยุช่วงความถี่ 0.3 – 0.5 MHz (เมกะเฮริตซ์) ซึ่งมีความปลอดภัย ช่วยในเรื่องของการยกกระชับผิว โดยที่ไม่ต้องศัลยกรรม
ในการปล่อยคลื่นวิทยุ จะมีการเคลื่อนที่จากด้านที่มีประจุ + วิ่งไปด้านที่เป็นประจุ – ทำให้เกิดความร้อนที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการดูแลผิวพรรณและความงามได้
คลื่นวิทยุที่ส่งลงไปจะถูกส่งลงไปทะลุผิวชั้นบน และเกิดความร้อนหรือการเพิ่มอุณหภูมิในผิวหนังชั้นลึกๆ ประกอบกับมีการนวดไปด้วย ทำให้เกิดการกระตุ้นให้ร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้นประมาณ 3-5 °C แต่ไม่เกิน 42 °C ระบบเลือดและน้ำเหลืองจึงไหลเวียนได้ดี หลอดเลือดขยายตัว มีการขับของเสียได้ดีขึ้น
เนื่องจากเทคโนดลยี RF สามารถนำมาใช้รักษาและดูแลในเรื่องความงามอย่างได้ผล รวมถึงมีความปลอดภัยสูง และไม่ต้องเจ็บตัวในการรักษา ในปัจจุบันนี้ มีเทคโนโลยี RF หลากหลายรูปแบบ เช่น Monopolar, Bipolar, Unipolar, Multipolar หรือ RF4D ในแต่ละประเภทก็จะมีความเหมาะสมในการนำมาใช้เพื่อผลลัพธ์ที่ต่างกัน
นวัตกรรมเพื่อความงามอย่างเครื่อง RF ยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีความสามารถหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะในแวดวงความงาม และเพิ่มขีดความสามารถในการรักษาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
หลักการทำงานและกลไกในการรักษาด้วย RF
เรามาดูกันว่า RF ที่จะช่วยยกกระชับหน้า ยกกระชับผิวกายของเราได้ และมีประโยชน์เพื่อความงามอีกหลายอย่าง มีหลักการและกลไกในการรักษาอย่างไร
กลไกของการใช้ RF คือ การส่งผ่านคลื่นวิทยุลงไปใต้ผิวหนังทุกชั้น เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในผิวแต่ละชั้น ดังนี้
1. Epidermis ผิวชั้นหนังกำพร้า
ในชั้นนี้ คลื่นวิทยุจะกระตุ้นให้เกิดการแบ่งตัวของหนังกำพร้าชั้นล่างๆ เซลล์ที่ยังไม่หมดอายุจึงเพิ่มขึ้น เป็นผลให้รูขุมขนดูเล็กลง หลุมสิวตื้นขึ้น ริ้วรอยต่างๆ ทั้งบริเวณหน้าผาก หัวคิ้ว รอบดวงตา รอบปาก คอ สันจมูก เป็นต้น ดูตื้นขึ้นได้
นอกจากนี้ คลื่นวิทยุยังทำให้เซลล์หนังกำพร้าที่หมดอายุแล้วหลุดลอกออกไป นอกจากสิวเสี้ยนและฝ้ากระบางส่วนจะหลุดลอกออกไปด้วยแล้ว ยังทำให้ผิวเรียบเนียน ขาวใสขึ้นได้
2. Dermis ผิวชั้นหนังแท้
ผิวชั้นนี้เมื่อได้รับคลื่นพลังงาน จะทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ผิวบริเวณที่ได้รับพลังงาน เช่น รอบหน้าผาก ถุงใต้ตา ร่องแก้ม และรูปหน้า เป็นต้น จึงตึงกระชับขึ้น ดูอ่อนเยาว์ และยกกระชับใบหน้าได้อย่างชัดเจนภายใน 2 สัปดาห์ต่อมา
3. subcutaneous fat ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง
ในชั้นนี้ คือชั้นที่ลึกที่สุดที่คลื่นวิทยุเข้าไปถึง เมื่อได้รับพลังงาน ไขมันก็จะเกิดการละลายเข้าไปสู่หลอดน้ำเหลือง ส่งผลให้ไขมันในบริเวณต่างๆ เช่น ถุงใต้ตา ใต้คาง หน้าท้อง เอว สะโพก ต้นขา เป็นต้น สามารถลดลงได้ เป็นการยกกระชับหน้าและบริเวณต่างๆ ของร่างกายได้โดยไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรม
ความปลอดภัยของ RF
RF นั้นมีความปลอดภัยในการใช้รักษาอย่างมาก นอกจากจะได้รับการยอมรับจากหลายองค์กรทั่วโลกแล้ว ยังมีสิ่งที่สามารถการันตีความปลอดภัยของ RF คือ กระบวนการทำงานของเทคโนโลยีนี้นั่นเอง
RF สามารถปล่อยพลังงานลงถึงชั้นไขมันได้ลึกถึง 3.75 เซนติเมตร เพื่อช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ ซ่อมแซมเซลล์และกระตุ้นระบบเลือดรวมถึงระบบน้ำเหลือง ให้เกิดการซ่อมแซมและไหลเวียนได้ดีขึ้น
ไม่เพียงเท่านี้ ยังทำให้เกิดการยกตัวและคลายตัว ที่ไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บ ไม่ทำให้ผิวไหม้ ซึ่งสามารถติดตามผลการรักษาได้จากหน้าจออุณหภูมิได้ตลอดเวลา ทำให้รักษาอุณหภูมิที่ใช้ในการรักษาได้มากกว่า 15 นาทีขึ้นไป จึงมีความปลอดภัย และรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประโยชน์ของการรักษาด้วย RF คืออะไร
ข้อดี หรือประโยชน์ของการรักษาด้วย RF มีหลายประการ และมีความปลอดภัยสูง ไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนัง โดยสามารถช่วยในเรื่องของความงามได้ดังต่อไปนี้
– ช่วยกำจัดเซลลูไลท์และไขมันสะสมตามบริเวณต่างๆ ได้ เช่น ต้นขา ต้นแขน หน้าท้อง สะโพก
– ช่วยในการกระชับสัดส่วน
– ช่วยในการยกกระชับหน้า และผิวบริเวณที่ทำ เนื่องจากกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อชั้นบางๆ หดตัว ผิวหนังทั้งหมดจึงกระชับขึ้น
– ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเรียบตึงขึ้น และขาวใส อ่อนเยาว์ขึ้นได้
– รอยดำใต้ตา ฝ้าและกระจางลง
– เร่งให้เกิดการเผาผลาญไขมันในร่างกาย และอาจส่งผลให้น้ำหนักลงในบางกรณี
– กระตุ้นเซลล์ ระบบไหลเวียนเลือด และกำจัดของเสีย
– ช่วยให้ใบหน้า ถุงใต้ตา ลำคอ ที่หย่อนคล้อยกระชับขึ้นได้ ใบหน้าเล็กลง คางเรียวขึ้น และหน้าเป็นรูปไข่มากขึ้น โดยที่ไม่ต้องศัลยกรรม ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น และไม่ต้องเจ็บตัว
– ช่วยลบเลือนริ้วรอยบริเวณหน้าผาก สันจมูก รอบดวงตา รอบปาก และคอ
– รูขุมขนเล็กลง หลุมสิวตื้นขึ้น
– ช่วยปรับสีผิวให้ขาวสว่างมากขึ้น
– ใช้ในการกำจัดไฝ ขี้แมลงวัน หูด ติ่งเนื้อ กระเนื้อ เนื้องอก หลอดเลือด เป็นต้น
– ช่วยในเกิดการผ่อนคลาย เพราะการนวดโดยเครื่อง RF จะทำให้ระบบการไหลเวียนโลหิต น้ำเหลือง และของเหลวต่างๆ ทำงานดีขึ้น จึงรู้สึกสบายตัว
การรักษาด้วย RF
การรักษาด้วย RF เป็นการรักษาที่มีความปลอดภัย ที่สำคัญ ไม่ต้องผ่าตัด และพักฟื้น จึงไม่มีแผลเป็น ซึ่งมีรายละเอียดในการรักษาที่ควรทราบ ดังนี้
– ระยะเวลาในการรักษาขึ้นอยู่กับสภาพผิวของผู้รับการรักษา และวิธีการรักษา เช่น หากต้องการรักษาเพื่อกระชับสัดส่วนรูปร่าง จะใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที ในเดือนแรกควรทำ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ และทำต่อเนื่องกันอย่างน้อย 10-15 ครั้ง แต่หากต้องการยกกระชับใบหน้า หรือบางจุดบนใบหน้า อาจใช้ระยะเวลา 15-30 นาที เป็นต้น
– ระหว่างทำการรักษา จะรู้สึกอุ่นบริเวณที่ทำ และหลังรักษาในทันที ผิวบริเวณที่รักษาอาจเป็นสีชมพูหรือแดง ซึ่งจะสามารถหายไปได้เองใน 1-2 วัน
– การรักษาด้วย RF สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่รักษา โดยจะสังเกตเห็นได้ว่าผิวกระชับขึ้น เรียบเนียน สัดส่วนลดลง แต่ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของเราด้วย นอกจากนี้ยังสามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง แต่จะต้องอยู่ในการวินิจฉัยของแพทย์เฉพาะทาง
คำแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาด้วย RF
ผู้ที่ต้องการรักษาผิว ยกกระชับผิว ลดสัดส่วน สลายไขมัน หรือกระชับผิวในส่วนต่างๆ ด้วย RF มีข้อควรระวัง หรือคำแนะนำดังนี้
– ไม่ควรรักษาในระหว่างที่มีรอบเดือน หรือในช่วงที่รอบเดือนใกล้มาภายใน 3 วัน
– การรักษาด้วย RF ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคไต ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเลือด ลมชัก หรือเป็นผู้สูญเสียความรู้สึก การรับความรู้สึกบกพร่อง
– ผู้ที่ตั้งครรภ์ หรือมีบุตรที่คลอดยังไม่ถึง 6 เดือน ควรหลีกเลี่ยงการทำ RF
– ไม่ควรรักษาในบริเวณที่มีการอักเสบ มีแผลสด แผลถลอก หรือเคยผ่าตัดมาในช่วงยังไม่ถึง 6 เดือน หรือในช่วงที่แผลยังไม่หายสนิท
– บริเวณที่ต้องการรักษา จะต้องมีตัวยาหล่อลื่นอยู่ตลอดเวลา เพื่อป้องกันผิวไหม้
– การรักษาด้วยเครื่อง RF คือการรักษาด้วยการส่งคลื่น ดังนั้น ผู้รับการรักษาควรถอดอุปกรณ์และเครื่องประดับที่เป็นโลหะออกก่อนรักษาทุกครั้ง เพราะเป็นการรบกวนการส่งคลื่นได้
– ผู้รับการรักษาและผู้ให้การรักษาไม่ควรสัมผัสตัวกัน เพราะอาจเกิดการช็อตได้
– ขณะทำการรักษา ผู้รับการรักษาไม่ควรขยับตัวบ่อย เพราะอาจทำให้แผ่นสื่อไฟฟ้าสถิตได้ นอกจากนี้ยังห้ามใช้โทรศัพท์มือถือในขณะรักษา เพราะคลื่นจากโทรศัพท์จะรบกวนคลื่นวิทยุทำให้
เครื่องมือเสียหายได้
– การรักษาด้วย RF อาจส่งผลให้ฝ้าและกระจางลง แต่ไม่เหมาะที่จะใช้เป็นวิธีในการรักษาฝ้า เพราะความร้อนอาจทำให้เกิดการผลิตเม็ดสีเมลานินเพิ่มขึ้น
– ควรหลีกเลี่ยงการรักษาบริเวณไรผม ซึ่งเป็นผิวที่บอบบาง และอาจเกิดผลข้างเคียงได้
ข้อปฎิบัติหลังทำการรักษาด้วย RF
หลังจากเข้ารับการรักษาด้วย RF คุณควรปฏิบัติตามคำแนะนำที่ถูกต้อง ตลอดจนคำแนะนำของแพทย์ดังนี้
– หลังจากการรักษาภายใน 24 ชั่วโมง ให้ดื่มน้ำเปล่าให้ได้ 3-4 ลิตร เพื่อจัดการกับของเสียในร่างกายออกให้เร็วที่สุด
– หากเกิน 24 ชั่วโมงแล้ว ควรดื่มน้ำให้ได้วันละ 2 ลิตร เพื่อระบายของเสียออกจากร่างกายอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไม่เกิดการสะสมของเสียและไขมันในร่างกาย และเห็นผลการรักษาได้ดีขึ้น
– ควรมีการควบคุมอาหาร และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการสะสมไขมัน
– สามารถทำการรักษาร่วมกับการทำทรีทเมนต์ และการรักษาอื่นๆ ตามคำแนะนำของแพทย์ได้
เทคโนโลยีเครื่อง RF คือตัวช่วยที่ดีในการยกกระชับหน้า กระชับสัดส่วน และช่วยสลายไขมันส่วนเกินในบริเวณต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากคุณกำลังมองหาทางเลือกในการยกกระชับ และแก้ปัญหาความหย่อนคล้อย ตลอดจนไขมันในส่วนเกินที่สะสมอยู่ โดยที่ไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น และไม่ต้องเสียเงินจำนวนมากเกินไป แต่ได้ผลที่ดีเช่นกัน RF ก็คือหนึ่งในทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณ